Disclosure
Story and illustrated by Meisanmuiเป็นผลงานการสร้างสรรค์เรื่องนิยายแนวแฟนตาซีไซไฟที่ได้ถูกสร้างขึ้นด้วยความสามารถและความชำนาญในการเขียนของผู้เขียนเท่านั้นและไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่มีอยู่จริงแต่อย่างใด ผู้เขียนได้ใช้หลายแหล่งข้อมูลและแรงบันดาลใจในการสร้างเรื่องราวและตัวละครของเรื่องนี้ผลงานการสร้างสรรค์เรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยความสามารถและความชำนาญในการเขียนของผู้เขียนเท่านั้น โดยผู้เขียนได้ใช้หลายแหล่งข้อมูลและแรงบันดาลใจในการสร้างเรื่องราวและตัวละครของเรื่องนี้คุณ EstraFlower เป็นนักเขียนเรื่องของภาคที่สอง ในช่วง 11 ตอนแรกและได้มีการซื้อลิขสิทธิ์ขาดของทั้ง 11 ตอน เพื่อนำบททั้งหมดมาดัดแปลงและพัฒนาใหม่This work of fiction is a creation of a sci-fi fantasy novel that has been crafted solely by the author's abilities and expertise in writing and is not related to any existing events. The author has utilized various sources of information and inspirations in creating the story and characters in this work.EstraFlower as the writer for the second season's first 11 episodes. All 11 episodes have been purchased and the author has modified and developed them for the new season.
"ฟ้าที่งดงามของโลกก็เริ่มเปลี่ยนไป พรรณไม้พบรูปทรงหมอกราวกับรูปหมายเลขหรืออักษร ที่สลับกันอย่างอลังการ แม้เทพทั้งสิบจะหลงไหลในความมืด แต่พริ้วแสงที่กระจายออกมาก็พอแสดงให้เห็นได้ว่า มีความหวังในอีกฝั่งของแสง แม้ว่าไวรัสนัยไฟจะแพร่ไปทั่วส่วน แต่ก็ยังมีผู้คนบางกลุ่มที่พยายามต่อสู้ ด้วยความฝันอันเย้ายวนในใจ
ลมหนาวจัดพัดเข้ามาในทิวทัศน์ของยามค่ำคืน กับแสงจันทร์เต็มเสน่ห์ คนทั้งหมดกำลังสัมผัสความเยือกเย็นของอากาศบนผิวหนัง วิ่งวนเวียนเตรียมตัวในความระหว่างความสงบเยือกเย็นกับความหวาดหวั่นที่กำลังพังพินอยู่ในใจ"
ภาคแรก
Celestial Conflict
Rise of the Chosen
Invocatio ad creandum tenebrarum creaturas.
Decem omnipotentes dei, auditum fac mihi.
Tenebras condere, mortis facere creaturas.
Ex mundi materia, vires daemonicas.
Manus mea, vitae mortisque arbitrium.
Invocare possum, potentiae vestrae.
Creare possum, ut potentiae vestrae.
Ex tenebris illis, vitam facite.
Eritis semper, tenebrae quae vocantur.
In nomine decem deorum. Fiat."Invocation to create creatures of darkness.
Ten omnipotent gods, heed my call.
To create darkness and creatures of death,
From the materials of this world, with demonic powers.
My hands, the arbiter of life and death,
I invoke your powers, to create as you will.
From those shadows, bring forth life.
Forever shall you be, the darkness that is called.
In the name of the ten gods, let it be done."เสียงเรียกเข้าใช้พลังสร้างสิ่งมืด
สิบเทพองค์ทรงสดับ
สร้างความมืดมารับ ดับโลกด้วยมังกรหมอกหมาง
จากองค์ของโลกนี้ พลังของเหล่าเทวดา
จงมองว่าข้าเป็นผู้กำกับอำนาจชีวิตและความตาย
เรียกใช้พลังของท่าน
และสร้างสิ่งมืดให้ตามที่ต้องการ
จากความมืดที่นั่น ให้เกิดชีวิต
เป็นกำลังแห่งสิ่งมืดนี้ นิรันดร์อันเลือดสาด
ด้วยพระนามของสิบเทพองค์นั้น ให้มีอยู่จริง
"ฟ้าที่งดงามของโลกก็เริ่มเปลี่ยนไป พรรณไม้พบรูปทรงหมอกราวกับรูปหมายเลขหรืออักษร ที่สลับกันอย่างอลังการ แม้เทพทั้งสิบจะหลงไหลในความมืด แต่พริ้วแสงที่กระจายออกมาก็พอแสดงให้เห็นได้ว่า มีความหวังในอีกฝั่งของแสง แม้ว่าไวรัสนัยไฟจะแพร่ไปทั่วส่วน แต่ก็ยังมีผู้คนบางกลุ่มที่พยายามต่อสู้ ด้วยความฝันอันเย้ายวนในใจ
ลมหนาวจัดพัดเข้ามาในทิวทัศน์ของยามค่ำคืน กับแสงจันทร์เต็มเสน่ห์ คนทั้งหมดกำลังสัมผัสความเยือกเย็นของอากาศบนผิวหนัง วิ่งวนเวียนเตรียมตัวในความระหว่างความสงบเยือกเย็นกับความหวาดหวั่นที่กำลังพังพินอยู่ในใจ"
story and illustrated
by Meisanmui
เทพแห่งความมืดทั้งสิบได้สาปเอกโซดัสบุตรีเทพแห่งแสงโดมินัส ลักซ์ ทำให้เธอไม่รู้ความสามารถของตัวเองและต้องต่อสู้กับไวรัสนัยไฟที่เทพเหล่านั้นสร้างขึ้นเพื่อทำลายโลก การต่อสู้ระหว่างเอกโซดัสกับเทพแห่งความมืดทั้งสิบจะประสบกับอุปสรรคมากมายและการต่อสู้นี้จะกำหนดความเป็นอยู่ของโลกในอนาคตของมนุษย์ แต่เอกโซดัสจะพบกับพันธมิตรไม่คาดฝันและการต่อสู้ที่เข้มข้นในทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงThe ten gods of darkness cursed Dominus Lux's daughter, Exodus, which made her unaware of her own abilities and forced her to fight against a virus created by those gods to destroy the world. The battle between Exodus and the ten gods of darkness faced numerous obstacles, and the outcome of the fight will determine the future of humanity. However, Exodus found unexpected allies and engaged in a fierce battle that was vastly different from what she had experienced before.
เรื่องเกิดขึ้นในโลกที่ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง คือฝั่งเซราฟิมและฝั่งทอรัส การต่อสู้ระหว่างฝั่งสองฝั่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่มีสิ่งใดสามารถทำให้ฝั่งใดเป็นผู้ชนะในที่สุด สำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ การดำรงชีวิตในการต่อสู้เป็นเรื่องปกติและความเป็นจริงว่าใครตายไปเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ในขณะเดียวกันก็มีผู้เลือกเป็นฝั่งของภัยคุกคามที่จะพยายามทำลายฝั่งอีกฝั่งหนึ่งในการประสานงานกันในระหว่างทั้งสองฝั่งยังมีหวังว่าจะสามารถสร้างสันติสุขและความเป็นอยู่ร่วมกันในอนาคตได้เรื่องราวของเรื่องนี้เกี่ยวกับเทพและเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่มีความแตกต่างกันอย่างมาก แต่สามารถทำให้สมดุลย์กันได้โดยการใช้การวิเคราะห์และการตีความเชิงวิทยาศาสตร์ในการพูดถึงเทพ และการใช้เทคโนโลยีเพื่อการปฏิวัติทางสังคมในเทพโบราณ พวกเขาเชื่อว่าเทพมีอำนาจมากมายและเป็นผู้ควบคุมสิ่งต่าง ๆ ในโลก แต่ในโลกปัจจุบัน เรารู้ดีว่าเทคโนโลยีมีอำนาจมากมายและเป็นผู้ควบคุมสิ่งต่าง ๆ ในโลกด้วย ดังนั้น เราสามารถเชื่อมโยงเทคโนโลยีกับเทพโบราณโดยใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพื่อตีความและอธิบายสิ่งที่เราไม่เข้าใจในเทพโบราณ และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการสร้างสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อเพิ่มความสำเร็จในการปฏิวัติทางสังคมThe story takes place in a world divided into two sides: the Seraphim and the Torus. The ongoing conflict between these two sides is relentless, with neither being able to gain the upper hand. For those who live in this world, the struggle to survive is a constant reality, and death can occur at any moment. Meanwhile, there are those who seek to bring about the destruction of the other side.The story revolves around the intersection of mythology and technology, two seemingly disparate themes that are reconciled through scientific analysis and interpretation of the divine. While ancient myths attribute power and control to the gods, in the modern world, technology holds the reins of power. By using scientific knowledge to interpret and explain the mysteries of mythology, and by harnessing technology to create unprecedented innovations, it becomes possible to bring about social change and progress.
ไวรัสนัยไฟ
หรือ Nirefire เป็นไวรัสที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพทั้งสิบเพื่อใช้ในการครอบครองโลกแห่งมนุษย์ ไวรัสนี้มีความเข้มแข็งและอันตรายมาก สามารถติดเชื้อและยับยั้งระบบสืบพันธุ์ของมนุษย์และสัตว์ได้ ทำให้การแพร่เชื้อของไวรัสนี้สามารถทำลายพืชและสัตว์ได้อย่างรวดเร็ว ในนิยาย Seraphim Torus ไวรัสนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายโลกและครอบครองโดยเทพแห่งความมืด และเอกโซดัสต้องเผชิญหน้ากับไวรัสนี้เพื่อปกป้องโลกจากการทำลายล้างของเทพแห่งความมืดนั้น
เทพทั้งสิบสร้างไวรัสอย่างไร "Divine creators: How did the Ten Gods create viruses?"
โดยอาศัยความสามารถในการควบคุมและควบคุมอำนาจในโลก โดยสามารถอธิบายได้ว่าเทพทั้งสิบสร้างไวรัสด้วยวิธีการต่อต้านระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้ในการเปิดเผยความบกพร่องของร่างกายและทำให้เชื้อไวรัสเข้าไปในร่างกายได้ง่ายขึ้นเทพทั้งสิบอาจใช้เทคนิคการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของไวรัสเพื่อทำให้มีความเสียหายมากขึ้น หรือสามารถใช้เทคนิคการกลายพันธุ์ของไวรัสให้สามารถเข้าทำลายร่างกายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ เทพทั้งสิบยังสามารถใช้เทคโนโลยีการแก้ไขพันธุกรรม CRISPR/Cas9 ในการแก้ไขพันธุกรรมของไวรัสเพื่อเพิ่มความเสียหายให้มากขึ้น โดยทำให้ร่างกายไม่สามารถต้านไวรัสได้เช่นเดียวกับเดิม ทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายไปได้อย่างรวดเร็วและเกิดความเสียหายให้กับโลกทั้งหมดเทพที่เป็นผู้สร้างไวรัสและเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของไวรัสเพื่อทำให้มีความเสียหายมากขึ้นหรือเข้าทำลายร่างกายได้ง่ายขึ้น อาจจะใช้เทคนิคการควบคุมและควบคุมอำนาจในโลกเพื่อเปิดเผยความบกพร่องของร่างกายและทำให้เชื้อไวรัสเข้าไปในร่างกายได้ง่ายขึ้น หรืออาจจะใช้เทคนิคการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของไวรัสเพื่อสร้างความหลากหลายในพันธุกรรมของไวรัสและทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น นอกจากนี้ เทพยังสามารถใช้เทคนิคการกลายพันธุ์ของไวรัสเพื่อเพิ่มความเสียหายให้มากขึ้น โดยการเพิ่มหรือลดความเสียหายในร่างกายที่ถูกติดเชื้อ หรือการเพิ่มความทนทานของไวรัสต่อการต้านการต้านทานของร่างกาย ทำให้ไวรัสกลายพันธุ์และเพิ่มความสามารถในการเข้าทำลายร่างกายได้ง่ายขึ้น แต่การเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะมีผลเสียต่อโลกโดยรวม เนื่องจากการแก้ไขพันธุกรรมของไวรัสอาจเป็นอันตรายและเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ดังนั้น การสร้างและเปลี่ยนแปลงไวรัสควรต้องมีความระมัดระวังและมีการคำนึงถึงผลกระทบเทพแห่งความมืดทั้งสิบ เริ่มต้นด้วยการค้นหาเชื้อโรคและเชื้อสายพันธุ์ที่มีความอันตรายและแข็งแกร่งมากที่สุดในโลก แล้วพัฒนาเชื้อและสายพันธุ์เหล่านั้นให้มีความรุนแรงและยากจะกำจัดได้ เพื่อให้ไวรัสที่เกิดขึ้นมีความต้านทานที่สูงและยากจะถูกกำจัดเทพทั้งสิบ ทำการกำหนดลักษณะของไวรัสให้มีความเสียหายต่อร่างกายของมนุษย์ โดยมีการเพิ่มสมบัติที่ทำให้ไวรัสแพร่กระจายได้ง่ายและหายไปยาก อาจเป็นการทำให้ไวรัสมีความต้านทานต่อยาและวัคซีนที่มีอยู่แล้วในโลกน้อยลงหรือทำให้การแพร่กระจายของไวรัสเป็นไปอย่างรวดเร็วเมื่อไวรัสถูกสร้างขึ้นแล้ว เทพแห่งความมืดทั้งสิบจะเริ่มกระจายไวรัสไปยังประชากรโลกโดยใช้วิธีการต่าง ๆ เช่นการส่งเสียงเรียกร้องหรือการพาไวรัสเข้าสู่โลกผ่านทางน้ำหรืออากาศ ในขณะที่เทพทั้งสิบก็จะใช้ความสามารถของตนเองในการแพร่กระจายไวรัส อาจเป็นการกำหนดทิศทางลมหรือกระแสน้ำให้ไวรัสกระจายไปยังทิศทางต่าง ๆ และใช้พลังงานของตนเพื่อช่วยให้ไวรัสแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวางเมื่อไวรัสแพร่กระจายไปยังมนุษย์แล้ว เทพแห่งแสงโดมินัส ลักซ์จะพยายามหาทางในการกำจัดไวรัสและรักษาประชากรโลก โดยพัฒนาวัคซีนและยาเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสและรักษาผู้ติดเชื้อ แต่เทพทั้งสิบก็จะไม่ให้โลกได้รับการช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว เพราะเป้าหมายของเทพแห่งแสงและเทพทั้งสิบคือการทำลายโลก ดังนั้น เทพทั้งสิบจะพยายามปกป้องไวรัสและช่วยเหลือมนุษย์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อสร้างความเข้าใจและความสมดุลในนิยายของคุณ อาจมีตัวละครหรือฝ่ายที่พยายามต่อสู้เพื่อปกป้องมนุษย์จากการทำลายของไวรัสนี้ได้
หรือ Nirefire เป็นไวรัสที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพทั้งสิบเพื่อใช้ในการครอบครองโลกแห่งมนุษย์ ไวรัสนี้มีความเข้มแข็งและอันตรายมาก สามารถติดเชื้อและยับยั้งระบบสืบพันธุ์ของมนุษย์และสัตว์ได้ ทำให้การแพร่เชื้อของไวรัสนี้สามารถทำลายพืชและสัตว์ได้อย่างรวดเร็ว ดยในนิยาย Seraphim Torus ไวรัสนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายโลกและครอบครองโดยเทพแห่งความมืด และเอกโซดัสต้องเผชิญหน้ากับไวรัสนี้เพื่อปกป้องโลกจากการทำลายล้างของเทพแห่งความมืดนั้น
Seraphim
เซราฟิมเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีกำลังและความแข็งแกร่งมากที่สุดในโลก ในประชากรของฟาร์เนเซีย จะถูกเรียกว่าเซราฟิม และพบว่า ประชากรของฟาร์เนเซียมีพลังพิเศษบางอย่างซึ่งติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด แต่พลังงานจะตื่นหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยพลังพิเศษนี้จะขึ้นอยู่กับระดับพลังงานโซลในตัวเขา ถ้าเขาทำความดีมาก ก็จะยิ่งมีพลังงานโซลสูง แนวทางการดูแลรักษาโลกและชีวิตของมนุษย์ในฟาร์เนเซียมีความเกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาระดับพลังงานโซลในร่างกายของประชากร โดยเพื่อให้เซราฟิมมีพลังพิเศษสูง ต้องการให้พลังงานโซลในร่างกายมีความสูงเพียงพอ ดังนั้นการปรับปรุงระบบสุขภาพและการดูแลรักษาระดับพลังงานโซลในร่างกายของประชากรจึงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาฟาร์เนเซียให้เป็นประเทศที่มีความมั่นคง พลังพิเศษของ ชาวเซราฟิมเรียก Populi Celestis
Seraphim is the most potent and vigorous race in the world. The population of Farnecia, they are called Seraphim, and it is found that the people of Farnecia have some special powers that have been with them since birth. However, whether or not these powers are awakened depends on various factors, and this special power depends on the level of sol energy within them. If they do good, they will have a higher level of sol energy. Taking care of the environment and the well-being of the people in Farnecia is related to taking care of the level of solar energy in the bodies of its population. In order for Seraphim to have high special powers, they need to have a sufficient level of solar energy in their bodies. Therefore, improving the healthcare system and taking care of the level of solar energy in the bodies of the population is crucial for the development of Vernesia to become a stable country. The special powers of Seraphim are called Populi Celestis.
Torus
ทอรัสเป็นกลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก เทคโนโลยีของทอรัสเน้นไปที่การใช้เทคโนโลยีที่มีความสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เทคโนโลยีสื่อสาร การขนส่ง การผลิตสินค้าและบริการ และอื่น ๆ ที่เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการพัฒนาชีวิตของมนุษย์ Torus ฝั่งที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีและเป็นฝั่งของอำนาจทางทหารที่ต้องการควบคุมเทคโนโลยีเพื่อรักษาอำนาจของตนเอง
Torus is a group that relies on technology as its foundation. The technology used by Torus emphasizes the use of complete and efficient technology in daily life, such as communication technology, transportation, product and service manufacturing, and other tools that are beneficial to human development. The development of technology is concentrated on one side of Torus, which is also the military power that seeks to control technology to maintain its own power.
BATTLE
การสู้ระหว่างฝั่งเซราฟิมและทอรัสอาจใช้เทคนิคทางการทหารที่แตกต่างกันได้ตามสภาพแวดล้อมและวัตถุประสงค์ของแต่ละฝั่ง ยกตัวอย่างเช่น ฝั่งเซราฟิมอาจใช้กำลังพลเพื่อเข้าไปยึดครองพื้นที่หรือทรัพยากรธรรมชาติที่ทอรัสคาดหวังไว้ ในขณะที่ทอรัสอาจใช้เทคนิคทางเทคโนโลยีในการต่อสู้ เช่น การใช้ระบบเทคโนโลยีขั้นสูงในการป้องกันการโจมตีทางไฟฟ้าหรือระบบความปลอดภัยอื่น ๆ นอกจากนี้ยังอาจใช้กลยุทธ์การแพร่กระจายหรือการย้ายกองทหารเพื่อหลบหนีการโจมตีของฝั่งอื่น โดยสรุปแล้ว การสู้ระหว่างฝั่งเซราฟิมและทอรัสจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับแต่ละฝั่งกลยุทธ์ฝั่งเซราฟิมเน้นไปที่ความแข็งแกร่งและความเป็นอยู่ร่วมกันของชาวเซราฟิม โดยเน้นการเตรียมความพร้อมทางทหารและการป้องกันตนเอง ฝั่งเซราฟิมมีการพัฒนาทั้งเทคโนโลยีและพลังงานทดแทน เพื่อลดความติดอยู่กับแหล่งพลังงานธรรมชาติที่ไม่มั่นคง และป้องกันการโจมตีจากฝั่งทอรัส โดยการใช้เทคโนโลยีทางทหารอาจจะเป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันและตอบโต้กลับเมื่อถูกโจมตี อย่างไรก็ตาม ฝั่งเซราฟิมหวังว่าจะสามารถสร้างสันติสุขและความเป็นอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ต้องพึ่งพลังพิเศษเท่านั้น ดังนั้นเซราฟิมมุ่งเน้นการพัฒนาการเกษตรและอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ภายในประเทศและลดการนำเข้าสินค้าจากฝั่งอื่น และยังมีการสนับสนุนการศึกษาและการสร้างองค์ความรู้ในประเทศด้วยทอรัสเป็นกลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก เทคโนโลยีของทอรัสเน้นไปที่การใช้เทคโนโลยีที่มีความสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เทคโนโลยีสื่อสาร การขนส่ง การผลิตสินค้าและบริการ และอื่น ๆ ที่เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการพัฒนาชีวิตของมนุษย์ Torus ฝั่งที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีและเป็นฝั่งของอำนาจทางทหารที่ต้องการควบคุมเทคโนโลยีเพื่อรักษาอำนาจของตนเองถึงแม้ว่าสองฝั่งจะใช้เทคโนโลยีเหมือนกัน แต่ก็ยังมีความแตกต่างทางทหารอยู่ โดยมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการใช้กำลังทหารของแต่ละฝั่ง เช่นการใช้กำลังทหาร: สองฝั่งอาจจะมีกำลังทหารที่แตกต่างกัน เช่น มีความแตกต่างในจำนวนทหาร ความสามารถในการต่อสู้ และการเตรียมตัวก่อนการต่อสู้ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อผลลัพธ์ของการต่อสู้การเลือกใช้เทคโนโลยี: แม้ว่าสองฝั่งจะใช้เทคโนโลยีเหมือนกัน แต่การเลือกใช้เทคโนโลยีเหล่านั้นอาจจะแตกต่างกัน โดยอาจจะมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน เช่น การใช้เทคโนโลยีสำหรับการสื่อสารหรือการเจรจาเป็นต้นการดำเนินการ: สองฝั่งอาจจะมีการดำเนินการทหารที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะการดำเนินการเป็นกลุ่ม การวางแผนการต่อสู้ และการใช้กำลังทหารในแต่ละการต่อสู้ ซึ่งอาจจะมีผลต่อผลลัพธ์ของการต่อสู้ด้วยสภาพแวดล้อม: สภาพแวดล้อมในพื้นที่ต่างๆ อาจจะแตกต่างกัน เช่น สภาพภูมิประเทศ สภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ
The conflict between the Seraphim and Torus factions may involve different military tactics depending on the environment and objectives of each side. For example, the Seraphim side may use military force to seize territory or natural resources that Torus expects to control, while Torus may use technology-based tactics in combat, such as advanced technology systems to prevent cyber-attacks or other security measures. In addition, they may use strategies to disperse or move military units to evade attacks from the opposing faction. In summary, the conflict between the Seraphim and Torus factions depends on the environment and the appropriate strategies used by each side.The Seraphim side focuses on strength and unity among its people, emphasizing military readiness and self-defense. The Seraphim faction develops both technology and alternative energy sources to reduce dependence on unreliable natural resources and to protect against Torus attacks. The use of military technology may be one way to defend against and respond to attacks. However, the Seraphim hope to achieve peace and coexistence without relying solely on special power. Therefore, they aim to develop agriculture and industry to increase domestic production and reduce imports from other factions. They also support education and knowledge-building in their faction.The Torus faction relies heavily on technology, focusing on the use of technology that is complete and efficient in daily life, such as communication technology, transportation, and production and services. Torus is a faction that develops technology and is a side of military power that wants to control technology to maintain its power. Although the two factions use similar technology, there are still differences in military tactics, such as the factors that affect the use of military force, the choice of technology, the military operation, and the environment.Factors that affect the use of military force: The two factions may have different military strengths, such as differences in the number of soldiers, combat abilities, and preparation before combat, which may affect the outcome of the conflict.Factors that affect the choice of technology: Although the two factions may use similar technology, they may choose to use different technologies to achieve different outcomes, such as using technology for communication or negotiation.Factors that affect military operations: The two factions may have different military operations, especially in group operations, planning, and the use of military force in each battle, which may affect the outcome of the conflict.Environment: The environment in different areas may differ, such as topography, weather, and other environmental factors.
TORUS strategy
การใช้เทคโนโลยีเป็นหลัก: ฝั่งทอรัสใช้เทคโนโลยีเป็นหลักในการต่อสู้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และสามารถสร้างประโยชน์ให้กับการต่อสู้ได้อย่างมากมายการใช้กำลังทหารของสมาคม: ฝั่งทอรัสมีกำลังทหารที่มากมายและมีความหลากหลาย โดยมีหน่วยทหารที่มีความสามารถสูงและสามารถจัดเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในแต่ละการต่อสู้การปฏิบัติตามกฎหมายและการสร้างความเชื่อมั่น: ฝั่งทอรัสมีการปฏิบัติตามกฎหมายและการดำเนินการในการต่อสู้อย่างมืออาชีพ โดยเน้นการสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มทหารและประชาชนในพื้นที่การใช้พลังงานเชิงกลยุทธ์: ฝั่งทอรัสมีการใช้พลังงานเชิงกลยุทธ์ในการต่อสู้ โดยมีการใช้เทคนิคการทำลายฝ่ายตรงข้ามและการตั้งฉากในการต่อสู้เพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามการใช้ประโยชน์จากการศึกษาฝ่ายตรงข้าม: ฝั่งทอรัสมีการศึกษาและการวิเคราะห์ฝ่ายตรงข้ามอย่างละเอียด เพื่อหาวิธีในการเอาชนะฝ่ายตรงข้ามโดยใช้จุดอ่อนกลยุทธของทอรัสในการเอาชนะ
การทำลายสภาพแวดล้อม: เซราฟิมมีความเกี่ยวข้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ ดังนั้น จุดอ่อนเซราฟิมคือการถูกทำลายสภาพแวดล้อมของพื้นที่ที่เป็นแหล่งอาศัยของเซราฟิม โดยการทำลายป่าไม้หรืออื่น ๆ ที่เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าและพืช เป็นต้นการขัดขวางพลังงานโซล: การขัดขวางหรือทำลายระบบการเก็บรักษาพลังงานโซลของเซราฟิม อาจจะทำให้พลังพิเศษของเซราฟิมลดลง เพราะเซราฟิมต้องการพลังงานโซลสูงเพื่อให้มีพลังพิเศษมากขึ้น ดังนั้น การทำลายหรือขัดขวางระบบการเก็บรักษาพลังงานโซลของเซราฟิม1.การใช้เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์: การใช้เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การใช้ระบบเครือข่ายเพื่อสื่อสารและการเชื่อมต่อกันของระบบทหาร สามารถช่วยให้ทหารของทอรัสสามารถเคลื่อนไหวและแข่งขันกับเซราฟิมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น2.การใช้เทคโนโลยีด้านกลโรงงาน: การใช้เทคโนโลยีด้านกลโรงงาน เช่น การใช้ระบบอัตโนมัติในการผลิตและการส่งมอบอาวุธและอุปกรณ์ทหาร สามารถช่วยลดความล่าช้าในการเตรียมการและเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้3.การใช้เทคโนโลยีการทำลายเชิงกลยุทธ์: การใช้เทคโนโลยีการทำลายเชิงกลยุทธ์ เช่น การใช้ระบบทำลายศัตรู ระบบยิงจรวดและระบบเสริมความแข็งแกร่งของยานพาหนะ เป็นต้น
TORUS LIMIT TECHNOLOGY
ทอรัสดำเนินการจำกัดการใช้เทคโนโลยีในการต่อสู้ของประชาชนด้วยหลายเหตุผล ดังนั้น สามารถอธิบายได้ดังนี้:การควบคุมการเข้าถึงข้อมูล: ทอรัสเป็นองค์กรที่มีการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลอย่างเข้มงวด การใช้เทคโนโลยีในการสื่อสารสามารถเป็นเครื่องมือในการกระจายข้อมูลและข่าวสารที่ไม่เป็นไปตามแผนของทอรัส ดังนั้น ทอรัสจำกัดการใช้เทคโนโลยีในการต่อสู้ของประชาชนเพื่อรักษาการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลขององค์กรความเสี่ยงทางความปลอดภัย: ใน โลก Gaia โลกนี้มีองค์กรและกองทัพต่างๆ ที่สามารถโจมตีและทำลายฝ่ายตรงข้ามได้อย่างมหาศาล การใช้เทคโนโลยีอาจเป็นประเด็นสำคัญที่สามารถถูกโจมตีได้ง่ายๆ ดังนั้น ทอรัสจำกัดการใช้เทคโนโลยีของประชาชนเพื่อลดความเสี่ยงทางความปลอดภัยการส่งเสริมความเป็นผู้นำของทอรัส: ทอรัสเป็นองค์กรที่มีการส่งเสริมความเป็นผู้นำของทอรัสในการต่อสู้ทอรัสเป็นประเทศที่มีการจำกัดในการใช้เทคโนโลยีบางชนิดโดยมีเหตุผลหลายอย่างดังนี้:ประวัติศาสตร์: ทอรัสเคยมีประวัติการถูกล่วงละเมิดข้อมูลโดยการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของเครือข่ายทหาร ซึ่งทำให้ทอรัสมีความระมัดระวังในการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อป้องกันการถูกโจมตีอีกครั้งความมั่นคงของระบบเทคโนโลยี: บางเทคโนโลยีมีความช้าหรือไม่มีความน่าเชื่อถือในการใช้งาน เช่น การใช้ระบบเครือข่ายสัญญาณทางไกล้เคียง (Near Field Communication: NFC) ซึ่งถูกใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลในระยะสั้น มีความเสี่ยงที่ข้อมูลจะถูกโจมตีโดยไม่ได้รับการตรวจสอบและตรวจจับการควบคุมของรัฐบาล: ทอรัสมีการควบคุมการใช้เทคโนโลยีโดยรัฐบาล เช่น การกำหนดกฎหมายเกี่ยวกับการส่งออกและนำเข้าเทคโนโลยี การกำหนดค่ามาตรฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการอนุญาตการใช้งานของเทคโนโลยีบางชนิดปัญหาความเสี่ยงทางความปลอดภัย: การใช้เทคโนโลยีบางชนิดอาจเสี่ยงต่อการโจมตีจากผู้ไม่หวังดี หรือการสะท้อนผลกร
เอกโซดัส
Exodus เป็นตัวละครหลักในเรื่อง มีเส้นทางการเดินทางที่ยาวไกล เพื่อหาคำตอบในการรักษาสันติภาพของโลก
เธอเป็นผู้มีพลังที่หลากหลาย สามารถควบคุมสิ่งต่างๆได้ เช่น ไฟ น้ำ ลม และดิน
Exodus มีลักษณะเป็นผู้หญิงที่มีความเข้มแข็งและกล้าหาญ ไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความยากลำบากและความอันตรายภายใน Exodus เป็นผู้ที่มีความรู้สึกอย่างหลากหลาย เธอมักจะพึ่งพาความรู้สึกของตนเองเมื่อต้องตัดสินใจ
Exodus เป็นคนที่มีความสามารถในการสื่อสารกับสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสัตว์หรือพืช
เธอมีจุดมุ่งหมายชัดเจนในการก้าวไปข้างหน้าเพื่อปกป้องสันติภาพของโลกและผู้คนที่เธอรัก
Exodus เป็นคนที่เข้าใจถึงความเป็นอยู่และความเจริญเติบโตของธรรมชาติ
แต่ Exodus ก็เป็นคนที่เห็นความมืดและความยากลำบากที่เกิดขึ้นในโลก และต้องเผชิญหน้ากับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
Exodus เป็นคนที่เข้าใจถึงพลังของความรักและมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ผู้อื่นเข้าใจเรื่องนี้ด้วย
Exodus เป็นคนที่เต็มไปด้วยภาวะสับสนในใจ ทำให้เขามักมองโลกในมุมมองที่เป็นลบ แต่เขาก็มีพลังในการเอาชนะความมืดในใจ เพื่อค้นหาความหมายของชีวิต
พลังของ Exodus มาจากความเชื่อและศรัทธาต่อเทพของเขา ซึ่งให้เขาพลังในการเอาชนะภาวะความมืดในใจ
Exodus เป็นคนที่มักจะต้องการเดินทางเพื่อค้นหาความหมายของชีวิต และมีความเป็นผู้นำในการก้าวหน้าของทีม
สิ่งที่เขามองเห็นไม่ใช่เพียงแค่การบุกโจมตีและต่อสู้ แต่เป็นการเติบโตและพัฒนาทั้งในเชิงกายและจิตใจ
Exodus มีความสามารถในการเชื่อมโยงสมองและอารมณ์ของผู้อื่น เขาสามารถทำให้ผู้อื่นรู้สึกความรู้สึกเหมือนเขาเอง ซึ่งทำให้เขามีฝีมือในการสร้างทีมที่มีความสามารถในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
Exodus มีความรับผิดชอบสูง และมุ่งมั่นที่จะดำเนินงานเพื่อเป้าหมายที่ตั้งไว้จุดอ่อนของเอกโซดัส
น้องของ Exodus: เขารักน้องชายของเขาอย่างมาก แต่กลัวว่าจะไม่สามารถปกป้องเขาได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้เขาก็กลัวว่าเขาจะต้องเผชิญกับความทุกข์ยากในโลกที่อันตรายอยู่เสมอความเจ็บปวดในอดีต: Exodus มีความเจ็บปวดในอดีตที่ยังคงทำให้เขากังวลว่าเขาอาจไม่สามารถจัดการกับสิ่งที่กำลังจะมาในอนาคตได้อย่างเต็มที่ความกลัวของการเปิดเผยตัวตน: Exodus กลัวว่าหากเขาเปิดเผยตัวตนของเขาในหน้าสาธารณะ เขาอาจต้องเผชิญกับการตามล่าจากคนที่ต้องการลบทิ้งเขาความกลัวของการไม่สามารถควบคุมพลัง: Exodus กลัวว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมพลังของเขาได้อย่างเต็มที่ และอาจทำให้เขากลายเป็นอันตรายต่อคนอื่นความกลัวของความอ่อนแอ: Exodus เคยรู้สึกว่าเขาอ่อนแอและไม่มีค่าในอดีต แต่พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองและกลายเป็นบุคคลที่มีคุณค่ามากขึ้น แต่ก็ยังคงมีความกลัวว่าจะไม่สำเร็จในการทำเช่นนั้นเอกโซดัสเป็นตัวละครที่มีพลังและอำนาจเยอะมาก แต่นอกจากนั้นเธอยังมีจุดอ่อนและความกลัวอีกด้วยที่ดูขำๆ และน่ารักไปพร้อมๆ กัน ดังนี้กลัวผี: เอกโซดัสเป็นผู้ที่มีพลังทางเวทมนตร์และมองเห็นได้ถึงโลกแห่งวิญญาณ แต่เมื่อเธอเจอผีเป็นครั้งแรก เธอกลัวมากๆ จนต้องลุกขึ้นบนโต๊ะหรือหลบไปกลับห้องเตี้ย แม้ว่าเธอจะมีพลังมากแค่ไหนก็ตาม เธอก็ยังไม่สามารถเอาชนะความกลัวจากผีได้ขี้อาย: เอกโซดัสเป็นคนที่มักจะมุ่งหวังให้ได้กล่าวคำที่ถูกต้องและเหมาะสมตลอดเวลา แต่เมื่อเธอพูดผิดหรือพูดไม่ชัดเจน เธอจะรู้สึกขี้อายและเกรงว่าจะถูกตำหนิหรือวิจารณ์ ทำให้เธอมักอารมณ์ไม่ดี และเก็บความรู้สึกไว้ในใจกลัววัว: แม้ว่าเอกโซดัสจะมีพลังและอำนาจเยอะมาก แต่เธอกลัววัวมากกว่าอย่างอื่น ๆ เพราะว่าเธอเคยไปฟาร์มกับครอบครัวเมื่อเด็กๆ และเธอถูกวัวตามไปแล้ว โดยที่เธอไม่รู้ตัวว่าวัวเป็นสัตว์เลี้ยงที่อ่อนไหวมากการกลัววัวของเอกโซดัสเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ด้วยสาเหตุหลายอย่าง อาจเป็นเพราะวัวเป็นสัตว์ที่เธอไม่ค่อยได้มีการมาติดต่อกันมาก่อน และไม่รู้จักสัตว์ชนิดนี้เท่าไหร่ นอกจากนี้ เอกโซดัสอาจรู้สึกว่าวัวมีขนาดใหญ่และมีพลังเข้าใจไม่ได้ อีกทั้ง วัวเป็นสัตว์ที่มีอารมณ์และพฤติกรรมที่ไม่สามารถคาดคิดได้ เพราะฉะนั้นเมื่อเขาเผชิญกับสิ่งที่ไม่คุ้นเคยและไม่สามารถควบคุมได้ จึงทำให้เขารู้สึกกลัว โดยไม่ส่งผลต่อความแข็งแกร่งของเธอในด้านอื่น ๆ เช่น พลังของเทพและความสามารถในการต่อสู้
อิควินอกซ์
เป็นน้องชายของเอกโซดัส ลูกเทพแห่งแสง Dominus Lux ที่เกิดมาในโลกของเทพ Rune Terra อิควินอกซ์ไม่มีความสามารถแบบเทพเหมือนพี่ของเขา แต่เขามีความอัจฉริยะและฉลาดมากๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการเล่นหมากรุก และกลยุทธ์และการรบเมื่อเขาถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นกษัตริย์ของฟาร์เนเซีย เขาใช้ความฉลาดและกลยุทธ์เพื่อปกป้องประเทศและคนของตนเองจากการโจมตีของศัตรู ในการปกครอง เขาได้รับความเคารพจากประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะเขาเป็นกษัตริย์ที่ฉลาดและมีอัจฉริยะมากๆอย่างไรก็ตาม เขาถูกสาปจากเทพทั้งสิบว่าถ้าพลังในตัวตื่น เขาจะมีอันเป็นไป และเขาจึงไม่กล้าใช้ความสามารถหรือพลังของตนเพื่อป้องกันประเทศและคนของตนเอง แต่เขาก็ยังคงใช้ความฉลาดและกลยุทธ์เพื่อค้นหาวิธีที่จะรักษาสันติภาพและความสงบสุขให้กับประเทศและคนของตนเองหลังจากอิควินอกซ์ถูกสาปด้วยคำสาปของเทพทั้งสิบ พลังของเขาถูกล็อคและเขาไม่สามารถใช้พลังในตัวได้ เทพแห่งแสง Dominus Lux จึงตัดสินใจที่จะเอาเขาไปซ่อนอยู่ในชนบท และไม่ให้ใครรู้ว่าเขาเป็นลูกเทพเขาถูกนำไปอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ อยู่ในการดูแลของบุคคลที่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชน โดยไม่มีใครรู้สึกสงสัยว่าเขาเป็นลูกเทพ เขามีชื่อเสียงเป็นคนที่มีความฉลาดและเล่นหมากรุกได้เก่งมาก
เอเทอร์น่า
เอเทอร์น่าและอิควินอกซ์ได้รู้จักกันเมื่อพวกเขาถูกจับตัวโดยกองทัพของเทพ Abyssion และถูกขังไว้ในเรือนจำที่เป็นที่รู้จักกันในโลก Rune Terra จนกระทั่งถึงวันแต่งงาน การเจอกันเป็นความบังเอิญเมื่ออิควินอกซ์ได้เข้าไปในห้องของเอเทอร์น่าและได้ช่วยเหลือเอเทอร์น่าและได้ช่วยเหลือจากการถูกทำร้าย
การร่วมมือกันนี้ได้ทำให้พวกเขาเข้าใกล้กันมากขึ้น และมีความสัมพันธ์ที่ดีกันต่อไป แต่พวกเขายังไม่รู้สึกถึงความรักกันในตอนแรก จนกระทั่งวันที่ถึงการแต่งงาน โดยเหตุผลที่พวกเขาตัดสินใจแต่งงานกันเนื่องจากมีผลประโยชน์ทางการเมืองและการสร้างสันติภาพในประเทศของพวกเขา
สถานที่
ป่าไอโอรอธ
ป่าไอโอรอธเป็นพื้นที่ของเขตรักษาพื้นที่ของชนชาติ Seraphim ที่เต็มไปด้วยความสวยงามและอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ต่างๆ ภายในป่าไอโอรอธจะมีลักษณะพืชพันธุ์ที่หลากหลาย ทั้งไม้ล้มลุก ไม้ใหญ่ ไม้เล็ก ผักชี ดอกไม้ และพืชพันธุ์อื่นๆ ที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้
เมืองแวร์โรส
เมืองแวร์โรส (Ware Rose) ของทอรัสถูกออกแบบให้เป็นที่อยู่อาศัยของคนที่อาศัยอยู่ในโลกที่ถูกทิ้งเปล่าหลังจากสงครามโลกครั้งที่สาม ซึ่งเมืองแวร์โรสมีลักษณะที่ไม่เหมือนกับเมืองในโลกปกติเลยที่เคยเห็น
เมืองแวร์โรสถูกสร้างขึ้นจากวัสดุและสิ่งของที่เหลือจากการทำลายของโลกเก่า มีอาคารที่ออกแบบให้เป็นร่มเงาจากซากพืชและเครื่องจักรเก่าที่ถูกนำมาใช้ใหม่ ระบบไฟฟ้าในเมืองนี้ถูกกำหนดโดยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ผ่านแผงโซล่าเซลล์ที่ติดตั้งบนหลังคาอาคาร
เนื้อเมืองแวร์โรสแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ โดยมีแหล่งอาหารจากการเกษตรแบบเทคโนโลยีสูง และระบบท่อประปาที่ใช้น้ำทะเลที่ผ่านกระบวนการกรองและทำความสะอาดเพื่อใช้เป็นน้ำดื่ม ยังมีการใช้ระบบการเคลือบที่มาจากเทคโนโลยีวัสดุและเครื่องมือ ทำให้เมืองแวร์โรสมีความสวยงามและคงทนมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในเมืองยังมีการผสมผสานกับธรรมชาติอย่างลงตัว
เมืองหลวงโวลเทอร์ร่า
โวลเทอร์ร่า (Volterra) เป็นศูนย์กลางของประเทศ มีการสร้างสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะโบราณและหลากหลาย รวมถึงยังมีเมืองเล็กๆ ที่สวยงามและเป็นที่ตั้งของชุมชนโวลเทอร์ร่า
เมืองหลวงโวลเทอร์ร่า (Volterra) ของประเทศฟาร์เนเซียเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความเป็นมาต่อเนื่องยาวนานจนถึงอดีตโบราณ ลักษณะสถาปัตยกรรมของเมืองตั้งอยู่บนเนินเขาที่เอียงลงมายังทะเลสาบและดูแลด้านล่างของเมือง และมีแนวร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสร้างบรรยากาศเงียบสงบและเป็นที่ร่มรื่นสำหรับผู้ที่เดินทางมาเยือน
ในอนาคต โลกได้เข้าสู่ยุคที่เทคโนโลยีและศิลปะได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเมืองหลวงโวลเทอร์ร่าจะเป็นตัวอย่างหนึ่งของการรวมกันนี้ โดยมีการอัพเกรดสถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีให้เข้ากับสมัย ในอนาคตเมืองโวลเทอร์ร่าจะมีการใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น เช่น การใช้ระบบ AI สำหรับการจัดการเมืองและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การใช้เครื่องมือสื่อสารเพื่อเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของประชากร และการนำเทคโนโลยีพลังงานโซลมาใช้ในการสร้างสิ่งก่อสร้างใหม่ๆ ในเมือง
ประเทศฟาร์เนเซีย
ประเทศฟาร์เนเซียเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันออกเดิม เขตทางภูมิศาสตร์ของประเทศมีลักษณะเป็นแอ่งลึกและทะเลมหาสมุทร ดังนั้นประเทศมีเนินเขาและชายฝั่งที่ค่อนข้างลาดชัน และมีแม่น้ำลำธารที่สำคัญที่ไหลผ่านทั้งในและต่างประเทศ
ภูมิประเทศของฟาร์เนเซียมีบรรยากาศเป็นเทือกเขาและป่าที่หลากหลาย โดยพื้นที่แถบภาคกลางและภาคตะวันออกของประเทศมีเทือกเขาสูง และป่าที่ค่อนข้างใหญ่ ส่วนพื้นที่แถบภาคตะวันตกและภาคใต้ของประเทศมีพื้นที่ที่ลาดชันเป็นเอกลักษณ์ โดยมีที่ราบและที่หินปูนและหินขาวที่ราบชายทะเล เพราะฉะนั้นเขตชายฝั่งของฟาร์เนเซียมีทรายหรือหินต่ำน้อย
ทั้งนี้ประเทศฟาร์เนเซียเป็นประเทศที่มีชนบทที่สวยง
เมืองแรมฟาเรีย
Radiant Dominion
Radiant Dominion คือชื่อของฝั่งเทพแห่งแสงในโลก Runeterra ในเรื่อง Seraphim Torus ภาค Celestial Conflict: Rise of the Chosen ซึ่งเป็นพื้นที่ที่แสงส่องกระทบกับสิ่งมืดอย่างมีนัยสำคัญ Radiant Dominion ที่เต็มไปด้วยเขตระหว่างป่าที่สดใสและช่องว่างที่เต็มไปด้วยแสงRadiant Dominion เป็นอาณาจักรของเทพแห่งแสงที่มีความสวยงามและแสงสว่างเป็นเอกลักษณ์ โดยมีเมืองหลักชื่อว่า Aetharia ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาที่สูงขึ้นไปตามที่พระแสงแห่งแสงส่องสว่างอยู่บนฟ้า มีโครงสร้างทางกลางของเมืองเป็นวิหารใหญ่ที่ไว้ใช้ในการประกอบพิธีและศาสนา และมีเกาะเล็กๆ ราบรื่นรอบๆ เมืองที่ให้บริการท่องเที่ยวและการพักผ่อนสำหรับเทวดาและมนุษย์เทวดาแห่ง Radiant Dominion มักมีลักษณะที่มีความสวยงาม สว่างสดใส และมักมีการแต่งกายที่ให้ความรู้สึกดุจเหมือนเป็นผู้ชมสวยงามในงานแสดงศิลปะ บางครั้งพวกเขามักมีปีกที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ของเทพแห่งแสง นอกจากนี้ เทวดาแห่ง Radiant Dominion ยังมีพลังเวทมนตร์และความเป็นผู้นำเสมอภาคกับมนุษย์ที่อยู่ในอาณาจักรของพวกเขา
SUPPORTER
-Ying4U
-ANANMONEY GODPOM
-FLIPEDFACE
ได้เป็นคาแรคเตอร์ภายในเกมพร้อมทั้งภาพต้นฉบับตัวจริงของการ์ด
และบอร์ดเกมเวอร์ชั่นสมบูรณ์เมื่อออก รวมไปถึงได้ลงชื่อในคู่มือการเล่นผู้สนับสนุนทั้ง 3 คนจะได้อยู่ในเด็คการ์ดเทพ แบบหายากเป็นพิเศษ- Evilasa
-Jmaneekul
-ได้รับภาพวาด original คนละ 1 ภาพ
-ได้ลงชื่อในคู่มือการเล่น
-ได้บอร์ดเกมเวอร์ชั่นสมบูรณ์ส่งไปที่บ้าน